Binance เป็น Cryptocurrency Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งในด้านของ Volume การเทรดและจำนวนบัญชีผู้ใช้งาน ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องประวัติคร่าวๆ และเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียต่างๆ ของ Binance รวมถึงสรุปว่า Binance น่าใช้หรือเหมาะกับเราหรือไม่

Binance คืออะไร
Binance เป็น Cryptocurrency Exchange ที่ถูกก่อตั้งในปี 2017 โดย Changpeng Zhao หรือที่รู้จักกันในนาม CZ ในปี 2017 ที่ประเทศจีน แต่ก็ย้ายสำนักงานไปในประเทศอื่นแทน เนื่องจากของกฏหมายเกี่ยวกับ Cryptocurrency ที่เข้มงวดในประเทศจีน
Binance เป็น Exchange ที่มี Volume การเทรดมากที่สุดในโลก โดยมีหุ้นกว่า 600 ชนิดและ Cryptocurrency กว่า 350 สกุล หนึ่งในนั้นคือ BNB ซึ่งเป็น Native Token ของ Binance นั่นเอง
Binance รองรับการเทรดแบบ Leverage เช่นกัน โดยรองรับตัวคูณมากถึง 125x และค่าธรรมเนียมการเทรดที่น้อยกว่า Exchange ต่างประเทศอื่นๆ
นอกจากนี้ Binance ยังรองรับการ Staking หรือการฝากเงินสกุลต่างๆ เพื่อรับดอกเบี้ย (คล้ายๆ กับการฝากธนาคาร) อีกด้วย
ดังนั้น Binance จึงเป็นที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนที่อยากซื้อหรือเทรด Cryptocurrency หลายสกุลเงิน ที่ไม่รองรับในบางประเทศหรือบาง Exchange
เว็บไซต์ทางการของ Binanceเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Binance
Binance น่าเล่นมั้ย
Binance เป็น Exchange ที่น่าใช้มาก เพราะมันมี Interface ที่ใช้งานง่าย สกุลเงินที่รองรับมากมาย liquidity ที่ลึกมาก การฝากถอนที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ ทั้งหมดนี้ทำให้ Binance เข้าถึงได้สำหรับทั้งมือใหม่และมือโปร ถือเป็นหนึ่งใน Cryptocurrency Exchange ที่น่าใช้งานมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว
** อย่างไรก็ตาม Binance ไม่รองรับภาษาไทยแล้ว ดังนั้นถ้าคุณต้องการ Exchange ภาษาไทย เราขอแนะนำเปิดบัญชี Bybit หรือ Bitkub ด้วย

Binance รีวิว
รีวิวจุดแข็งของ Binance
- เป็นหนึ่งใน Cryptocurrency Exchange ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด
- เป็น Exchange ที่มี Volume การเทรดและจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
- มีผลตอบแทนในการถือเหรียญ BNB ไว้ในบัญชี
- ตัวแอปมีความปลอดภัยสูง
- สามารถ Leverage เทรดได้ถึง 125 เท่า
รีวิวจุดอ่อนของ Binance
- ไม่รองรับภาษาไทย
- เคยโดนแฮ็คในอดีต อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในปัจจุบัน
- ระบบค่าธรรมเนียมที่ยุ่งยาก
เรามาลงลึกละเอียดจุดแข็งและจุดอ่อนของ Binance กันดีกว่า
รีวิวจุดแข็งของ Binance
จุดแข็งของ Binance
- เป็นหนึ่งใน Cryptocurrency Exchange ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด
- เป็น Exchange ที่มี Volume การเทรดและจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
- มีผลตอบแทนในการถือเหรียญ BNB ไว้ในบัญชี
- ตัวแอปมีความปลอดภัยสูง
- สามารถ Leverage เทรดได้ถึง 125 เท่า
หนึ่งใน exchange ที่ค่าธรรมเนียมการเทรดต่ำที่สุดในโลก
จุดแข็งที่สำคัญที่สุดของ Binance คือค่าธรรมเนียมการเทรดที่ต่ำมาก โดยอยู่ที่ 0.1% คงที่ในทุกการซื้อขาย โดยค่าธรรมเนียมนี้จะถูกหักออกจากจำนวนเงินที่เราซื้อขายทุกครั้ง แต่ถ้าเราถือเหรียญ BNB เราจะได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก 25% ทำให้ค่าธรรมเนียมยิ่งต่ำมากไปอีก ดังนั้นการเทรดใน Binance พร้อมกับการถือ BNB ไว้ในบัญชีด้วยจึงน่าดึงดูดมากต่อนักลงทุน Cryptocurrency ทั้งหลาย
Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในตอนนี้ (มีนาคม 2023) Binance มีจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมด 10 ล้านคน เป็นอันดับ 1 ของโลก และเป็น Exchange ที่มี Trading Volume อันดับ 1 ใน Coinmarketcap เช่นกัน
ด้วย Volume ที่มากระดับนี้ ออเดอร์การเทรดใน Binance จะสามารถถูกจับคู่และดำเนินการได้อย่างลื่นไหลและรวดเร็ว
มีเหรียญให้เทรดมากกว่า 350 เหรียญ
Binance มีเหรียญให้เลือกเทรดมากกว่ากระดานเทรดในประเทศไทยทุกเจ้า และมี Altcoins (Alternative Coins หรือเหรียญที่ไม่ใช่ Bitcoin) ที่ไม่เป็นที่รู้จักมากนักอีกมากมาย ดังนั้น Binance ก็เหมาะกับคนที่จะ Moon กับเหรียญเล็กๆ เช่นกัน
ความปลอดภัยขั้นสุด
Binance มีระบบรักษาความปลอดภัยของแอพมากถึง 3 ขั้นตอน ได้แก่ Email และ Password, 2-Step Verification (SMS code), และ Authenticator App (Google Authenticator) ทำให้แอพ Binance เรียกได้ว่าไม่สามารถเข้าถึงได้โดยผู้ใดนอกเหนือจากเจ้าของบัญชีตัวจริง
Leverage สูงสุด 125 เท่า
การ Leverage คือการเอาเงินที่เรามีไปคูณให้เราสามารถเทรดได้จำนวนที่มากขึ้น เป็นการเพิ่มกำไร (หรือขาดทุน) ที่ได้จากการเทรดแบบทวีคูณ โดย Binance เราสามารถคูณได้ถึง 125 เท่า ถือว่ามากเกินพอเลยสำหรับสายเทรดสั้น (แต่บัญชีที่เปิดมาต่ำกว่า 60 วันจะยังได้แค่ 20x นะครับ)
รีวิวจุดอ่อนของ Binance
จุดอ่อนของ Binance
- ไม่รองรับภาษาไทย
- เคยโดนแฮ็คในอดีต อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในปัจจุบัน
- ระบบค่าธรรมเนียมที่ยุ่งยาก
ไม่รองรับภาษาไทย
Binance เคยรองรับภาษาไทย แต่ตอนนี้ (มีนาคม 2023) ไม่รองรับแล้ว ดังนั้นหากคุณไม่คล่องภาษามาก Exchange อื่นเช่น Bybit, MEXC หรือ Exchange ในประเทศไทยอาจตอบโจทย์มากกว่า โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นมือใหม่และไม่เคยใช้ Cryptocurrency Exchange มาก่อน
เคยโดนแฮ็คมาก่อน
ถึง Binance จะเป็น Cryptocurrency Exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งใน Exchange ที่ปลอดภัยที่สุด แต่มันก็เคยถูกโจมตีมาก่อน โดยครั้งสุดท้ายที่ถูกแฮ็กคือในปี 2019 โดยเงิน 7,000 BTC หรือประมาณ 4.5 พันล้านดอลลาร์ถูกขโมยไป โดยเป็นการแฮ็ก Wallet หรือกระเป๋าเงินของ Binance และเมื่อ Binance รู้ตัวก็รีบหยุดการฝากถอนทันที ทำให้กระเป๋าของลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย หรือเงินลูกค้าอยู่ครบนั่นเอง
ดังนั้นหากเราเลือกใช้ Binance เราก็ต้องคำนึงถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นนี้ด้วย ติดตามข่าวและบริหารทรัพย์สินและความเสี่ยงให้ดี เพื่อป้องกันตัวเองจากการโจรกรรมแบบนี้
ระบบค่าธรรมเนียมที่ยุ่งยาก
Binance มีการเทรดอยู่สองประเภท คือ Spot หรือการซื้อเหรียญจริงๆ และ Futures หรือการซื้อสัญญาราคา (คล้ายๆ Forex) โดยเมื่อเราถือ BNB จะได้ส่วนลด 25% เมื่อเทรด spot และ 10% เมื่อเทรด Futures
นอกเหนือจากนี้ยังมีการปรับค่าธรรมเนียมแบบ Dynamic ขึ้นอยู่กับ Volume การเทรด โดยจะถูกลงเมื่อ Volume น้อย ซึ่งถึงแม้จะทำให้ค่าธรรมเนียมคิดคำนวนและยาก แต่ก็นับว่าเป็นข้อดีเพราะมันมีแต่จะถูกลงกว่าปกติ ในกรณีที่ Volume เทรดน้อย
ฟีเจอร์อื่นๆ ของ Binance
ไม่มีทางติดหนี้ Futures
Binance มีกลไกที่เรียกว่า Zero-Cut ซึ่งจะทำงานตอนเราโดนล้างพอร์ตตอนเทรด Futures โดยจะ Cut และปิด Position อัตโนมัติตอนที่เราขาดทุนเท่าเงินค้ำประกัน (ก่อนคูณ Leverage) ที่เรามีอยู่ ดังนั้นเราจะไม่มีทางเสียเงินมากกว่าที่เราเติมเข้าไปในพอร์ต Futures หรือเราจะไม่มีทางเป็นหนี้หรือบัญชีติดลบนั่นเอง
แอพที่ใช้งานง่าย
แอพพลิเคชั่นของ Binance ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และใช้ได้สะดวกสะหรับทั้งมือใหม่และมือโปร มันใช้งานได้สะดวกกว่า Exchange เจ้าอื่น เนื่องจากเราสามารถเข้าหน้าการเทรด Spot และ Futures ได้ด้วยการกดครั้งเดียว ต่างจากบาง Exchange ที่จะต้องทำอะไรมากมายเมื่อต้องการเปลี่ยนหน้าระหว่างการเทรดสองแบบนี้ นอกจากนั้น แอพของ Binance ได้รับการออกแบบโดยเน้นไปที่ User Experience เป็นหลัก ทำให้ตัวแอพมีความโปร่งสบาย ลื่นไหล เข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้ง่าย และโดยรวมใช้ง่ายกว่าเจ้าอื่นอย่างเห็นได้ชัด
มีบริการหลากหลาย
Binance มีบริการอีกมากมายนอกจากการเทรด Spot หรือ Futures ที่เราได้พูดถึงไปแล้ว บริการเหล่านั้นมีตัวอย่างเช่น
- การ Convert หรือ Swap เหรียญสกุลต่างๆ
- การ Staking หรือเอาเหรียญของเราไปฝากเพื่อรับดอกเบี้ย
- การเทรดแบบ P2P หรือการเทรดโดยตรงกับคนอีกคนหนึ่ง คล้ายๆ การแลกเปลี่ยนของในตลาด โดยเราโอนเหรียญ Crypto หรือเงินบาทให้อีกฝ่าย และอีกฝ่ายโอนสินทรัพย์ที่เราต้องการแลกกลับมา
Binance มีบริการการเทรดเกือบทุกรูปแบบในโลกของ Cryptocurrency และบริการเหล่านั้นทั้งหมดล้วนมีประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความน่าเชื่อถือ เนื่องมาจาก Volume จากจำนวนผู้ใช้งานที่ไว้ใจจากทั้่วโลกนั่นเอง
Binance รีวิวสรุป
บทความนี้ได้พูดถึงข้อมูลต่างๆ รวมถึงรีวิวข้อดีและข้อเสียของ Binance เพื่อให้คุณได้เอาไปใช้ประกอบการตัดสินใจสมัครและใช้งาน โดยสรุปแล้ว จุดเด่นของ Binance มีดังนี้
- สามารถเทรดหุ้นและ Cryptocurrency ได้หลายชนิดมากๆ
- สามารถเทรด Futures ด้วย Leverage ที่มากถึง 125 เท่า
- ค่าธรรมเนียมที่ถูกมาก เป็นหนึ่งใน Exchange ที่ค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดในตลาด
Binance เป็น Exchange ระดับโลกที่น่าใช้ที่สุด และเหมาะสมกับนักลงทุนทุกระดับอย่างแท้จริง
หากคุณสนใจ Exchange ที่รองรับภาษาไทย ใช้ง่าย และมีฟีเจอร์ครอบคลุมเช่นกัน ลองอ่านรีวิวของ Bybit ได้ที่นี่